tag:blogger.com,1999:blog-89618165336950581552024-03-20T02:52:58.622+07:00การงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนบ้านบะครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.comBlogger13125tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-19205609946889267402012-09-07T20:24:00.000+07:002012-09-07T21:29:20.526+07:00สื่อการสอนแท็บเล็ต ชั้น ป.1<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.dekthai.net/main.html" target="_blank"><img border="0" height="190" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgczydksq5TI4ZMtHp5uM93yZVUp_d52yzp54K5e0GzBXTQ-3POel65uA-pXllKR2d08DKXre6058l60doqCD53pyYWRbPtY1eLqd_Uc0f9y24gS27CKQwtViICuMYD_9x3Vc7BynlhlbM/s320/tablet.png" width="320" /></a></div>
<br />ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-40877495649029042512012-08-09T15:32:00.000+07:002012-08-09T15:38:30.089+07:00วิธีติดตั้งกล่องความรู้วันนี้ในอดีต<h3 style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif;">
<span style="background-color: white;">การติดตั้งกล่องความรู้ เรื่องน่ารู้ ประจำวัน และวันนี้ในอดีต แบ่งโค้ดออกเป็น 2 แบบ คือ สำหรับหน้าเว็บไซต์ที่เป็น TIS620 และเว็บไซต์ที่เป็น UTF8</span></h3>
<ol style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px;">
<li><span style="background-color: white;"><strong>โค้ดสำหรับเว็บไซต์ที่เป็น TIS620</strong> ให้ Copy โค้ดด้านล่าง ไปวางในตำแหน่งที่ต้องการ</span><div class="fontCODE" style="border: 2px dashed rgb(240, 128, 128);">
<code style="background-color: white;"><script src="http://guru.sanook.com/gadget/gadget_tis620.js"><br /></script><br /><noscript><a href="http://guru.sanook.com/gadget/gadget_content.html"><br />สนุก! ความรู้</a></noscript></code></div>
</li>
<li><span style="background-color: white;"><strong>โค้ดสำหรับเว็บไซต์ที่เป็น UTF8</strong> ให้ Copy โค้ดด้านล่าง ไปวางในตำแหน่งที่ต้องการ</span><div class="fontCODE" style="border: 2px dashed rgb(240, 128, 128);">
<code style="background-color: white;"><script src="http://guru.sanook.com/gadget/gadget_utf8.js"><br /></script><br /><noscript><a href="http://guru.sanook.com/gadget/gadget_content.html"><br />สนุก! ความรู้</a></noscript></code></div>
</li>
</ol>
<h3 style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif;">
<span style="background-color: white;"> </span></h3>
<h3 style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif;">
<span style="background-color: white; color: #99cc00;">วิธีการดู Charset ของเว็บไซต์</span></h3>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px;">
<span style="background-color: white;">เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเว็บไซต์เรา ควรเลือกโค้ดแบบไหนไปติด ให้สังเกตุ ที่ Content-Type ตรงส่วน charset เป็นแบบไหน ให้สังเกตุ ในโค้ดส่วนบน ๆ จะมีรายละเอียดดังนี้..</span></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px; padding-left: 30px;">
<strong><span style="background-color: white; text-decoration: underline;">ตัวอย่าง</span></strong></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px; padding-left: 30px;">
<span style="background-color: white;"><img alt="" src="http://blogger.sanook.com/sanookguru/files/2008/09/arrow_105.gif" style="border: 0px;" /> <strong>charset=windows-874 ให้เลือก โค้ดในข้อ 1</strong><br /><meta http-equiv=”Content-Type” content=”text/html; charset=windows-874″></span></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px; padding-left: 30px;">
<span style="background-color: white;"><img alt="" src="http://blogger.sanook.com/sanookguru/files/2008/09/arrow_105.gif" style="border: 0px;" /> <strong>charset=UTF-8 ให้เลือกนำโค้ด ในข้อ 2</strong><meta http-equiv=”Content-Type” content=”text/html; charset=UTF-8″ /></span></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px; padding-left: 30px;">
<span style="background-color: white;"><strong><span style="color: #ff6600;"><span style="text-decoration: underline;">คำแนะนำ</span></span></strong> หากเลือกโค้ดไปติดตั้งแล้ว ภาษาเพื้ยน หรืออ่านภาษาไทยไม่ได้ ให้ลองเปลี่ยนเป็นอีกอัน หรือ <a href="http://webboard.search.sanook.com/forum/?topic=2470339" style="color: #24329a; text-decoration: none;" target="_blank"><strong>โพสต์สอบถามทีมงาน คลิกที่นี่</strong></a></span></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px; padding-left: 30px;">
<br /></div>
<h3 style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif;">
<span style="background-color: white; color: #33cccc;">เว็บไซต์ที่ให้การสนับสนุนเผยแพร่การเรียนรู้ ติดกล่องความรู้ และวันนี้ในอดีต</span></h3>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px;">
<span style="background-color: white;">สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้เริ่มต้น สนับสนุนส่งเสริมความรู้ออนไลน์ โดยติดตั้งกล่องความรู้ วันนี้ในอดีต เป็นเว็บไซต์แรก โดยนำไปติดที่หน้าเว็บไซต์ <a href="http://www.obec.go.th/" style="color: #24329a; text-decoration: none;"><strong>http://www.obec.go.th/</strong></a> </span></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px;">
<span style="background-color: white;"><strong>ตัวอย่าง </strong>กล่องความรู้ ที่ติในเว็บไซต์ <strong><span style="color: blue; font-family: Tahoma;"><a href="http://www.obec.go.th/" style="color: #24329a; text-decoration: none;"><span style="color: #006699;">สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน</span></a></span></strong><br /></span></div>
<div style="color: #666666; font-family: 'trebuchet MS', 'century gothic', verdana, sans-serif; font-size: 14px;">
<span style="background-color: white;">นอกจากนี้ ยังมีเว็บไซต์ที่ร่วมกันเผยแพร่การเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ โดยการนำกล่องความรู้ เรื่องน่ารู้ วันนี้ในอดีต รวมทั้งกล่องค้นหาพจนานุกรม ไปติดตั้งที่เว็บไซต์อีกจำนวนมาก </span></div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-64210836621610857322012-08-09T15:10:00.003+07:002012-08-09T15:12:31.381+07:00โค้ต สพป.สร.2<iframe frameborder="0" height="400" marginheight="0" marginwidth="0" scrolling="auto" src="http://e-filing.srn2.go.th/news_view_office.asp" width="100%"></iframe>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-34745304525247598712011-11-27T00:03:00.003+07:002011-11-27T00:10:39.071+07:00ข่าว สพป.สร.2<iframe src="http://e-filing.srn2.go.th/news_view_office.asp" width="100%" height="400" frameborder="0" marginwidth="0" scrolling="auto" marginheight="0"></iframe>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-15454060266270341552011-08-15T23:31:00.002+07:002011-08-15T23:37:24.183+07:00“ปลัดไอซีที”พร้อมสนองนโยบายแจกแท็บเล็ต<div style="clear: both; text-align: left;"><b>ช่วยทำคอนเทนท์-แอพพลิเคชั่น-ไวไฟ ฟรี!</b></div><div class="content_txt"><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHbHqGYS6Cjpgh6knz6vN2ToteYWgnU651N5mrQ5TRJUo7nw7eOFneJ1GyVJdkwOj6AWOHGp_ipltvSutrjG2SCUJULtc4yTOIrYGTbkKpW0CcrTA8TS5k9JHgjreQit55GasQn1_Duu8/s1600/geerawan.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; cssfloat: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="150" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHbHqGYS6Cjpgh6knz6vN2ToteYWgnU651N5mrQ5TRJUo7nw7eOFneJ1GyVJdkwOj6AWOHGp_ipltvSutrjG2SCUJULtc4yTOIrYGTbkKpW0CcrTA8TS5k9JHgjreQit55GasQn1_Duu8/s200/geerawan.jpg" width="200" /></a>เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือถึงนโยบายและแผนการดำเนินงานที่ต้องการเสนอต่อน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ส่วนการเตรียมพร้อมต้อนรับได้จัดเตรียมข้อมูลของแต่ละหน่วยงานเพื่อนำเสนอ ส่วนเรื่องการแจกแท็บเล็ตทางกระทรวงยังไม่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินงานอะไรและยังไม่ได้คุยกับกระทรวงศึกษาธิการ แต่ได้คุยกันภายในหน่วยงานถึงสิ่งที่กระทรวงไอซีทีสนับสนุนได้ เช่น ถ้าให้แท็บเล็ตแล้วเด็กๆ อาจไม่ต้องถือกระเป๋าและหนังสือไป ให้เรียนผ่านอี-บุ๊ก รวมทั้งมีแอพพลิเคชั่นเพื่อเข้าสู่การใช้งานในเรื่องต่างๆ ได้ง่าย และมีโปรแกรมเฮาส์คีปเปอร์เพื่อป้องกันการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทางไม่ดี</div></div><div class="content_txt"><br />
</div><div class="content_txt">นางจีราวรรณ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นสิ่งที่กระทรวงไอซีทีสนับสนุนการใช้งานแท็บเล็ตได้ คือ การจัดทำคอนเทนท์ (เนื้อหา) ที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ การพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เข้าใช้งานง่าย การผลักดันโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ และการเปิดให้บริการไว-ไฟฟรี หรือบริการอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายฟรีในพื้นที่สาธารณะบางพื้นที่ ซึ่งหากต้องดำเนินการไอซีทีต้องศึกษาเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกที่สุด รวมทั้งการเปิดให้บริการไว-ไฟฟรีมีประโยชน์อย่างมาก เช่น เปิดให้บริการไว-ไฟฟรีในชุมชน เมื่อลูกใช้แท็บเล็ตที่โรงเรียนแล้ว ช่วงเวลาเช้าหรือค่ำ พ่อ-แม่สามารถนำแท็บเล็ตมาใช้ค้นหาข้อมูลราคาผลผลิตทางการเกษตรและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำมาหากินได้ นอกจากนี้ยังจะขอให้รมว.ไอซีทีช่วยเร่งรัดงานที่ติดค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของครม.ชุดที่แล้ว เช่น การอนุมัติโครงการในการให้ไอซีทีทำงานร่วมกับสำนักงานป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายตำรวจท่องเที่ยว โดยออกไปตั้งศูนย์ติดตามข้อมูลการกระทำความผิด ให้ความรู้และอบรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวไอซีทีต้องเป็นผู้เสนอของบประมาณ พร้อมทั้งรายงานแผนงบประมาณประจำปี 2555 แก่รมว.ไอซีทีคนใหม่ ซึ่งไอซีทีได้ยื่นเสนอของบประมาณไป 5,000 ล้านบาท</div><div class="content_txt" style="text-align: right;"><span style="color: #999999; font-size: x-small;">ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันที 10 ส.ค.54 คอลัมน์ " ไอที - วิทยาการ"</span></div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-40093797089564414382011-08-15T23:23:00.001+07:002011-08-15T23:24:57.701+07:00แท็บเล็ต ( Tablet ) คืออะไร หลายๆคนพอพูดถึง "แท็บเล็ต - Tablet" แล้วอาจจะงงว่ามันคืออะไร ?? แต่ถ้าพูดว่า iPad, Samsung Galaxy Tab แล้วล่ะก็ต้องร้อง อ๋อ กันแน่นอนซึ่ง iPad และ Samsung Galaxy Tab นั้นจริงๆแล้วเป็นเพียงแค่ชื่อรุ่นเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วตัวเครื่องเหล่านี้จะเรียกกันว่า "แท็บเล็ต - Tablet" <br />
<div><br />
</div><div> "แท็บเล็ต - Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลายบริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet"</div><div style="text-align: left;"></div><div><b>แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)</b></div><div>"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก </div><div><br />
</div><div>"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน (มีแป้นพิมพ์ปรากฎบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน</div><div><br />
</div><div style="text-align: center;"><img height="320" src="http://www.tabletd.com/uploads/461344421608374_0.jpg" width="305" /></div><div style="text-align: center;">ภาพ HP Compaq tablet PC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows</div><div style="text-align: left;"><b><br />
</b></div><div style="text-align: left;"><b><br />
</b></div><div><b>แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือ แท็บเล็ต - Tablet</b></div><div>"แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม" </div><div><br />
</div><div>ซึ่งทางบริษัท Apple ผู้ผลิต "ไอแพด - iPad" ได้เรียกอุปกรณ์ของตัวเองว่าเป็น "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" เครื่องแรก</div><div><br />
</div><div style="text-align: center;"><img height="320" src="http://www.tabletd.com/uploads/428982448764145_0.jpg" width="240" /></div><div style="text-align: center;">ภาพ Apple iPad</div><div><br />
</div><div><br />
</div><div><b>ความแตกต่างระหว่าง "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet computer" และ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"</b></div><div>เริ่มแรก <span class="Apple-style-span" style="color: #009900;">"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"</span> จะใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของ Intel เป็นพื้นฐานและมีการปรับแต่งนำเอาระบบปฏิบัติการหรือ OS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ Personal Computer - PC มาทำให้สามารถใช้การสัมผัสในการทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Windows 7 หรือ Ubuntu Linux แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดหรือเมาส์ และเนื่องจากเป็นการรวมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ของ Intel ทำให้มีคนเรียกกันว่า "Wintel"</div><div><br />
</div><div>ต่อมาในปี 2010 ได้เกิดแท็บเล็ตที่แตกต่างจาก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ขึ้นมาโดยไม่มีการยึดติดกับ Wintel แต่ไปใช้ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนนั่นก็คือ <span class="Apple-style-span" style="color: #009900;">"แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือเรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ต - Tablet"</span> ซึ่งจะใช้หน้าจอแบบ capacitive แทนที่ resistive ทำให้สามารถสัมผัสโดยการใช้นิ้วได้โดยตรงและสัมผัสพร้อมกันทีละหลายจุดได้หรือ multi-touch ประกอบกับการใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM แทนซึ่งสถาปัตยกรรม ARM นี้ทำให้แท็บเล็ตนั้นมีการใช้งานได้ยาวนานกว่าสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel หลายๆคนคงจะรู้จักแท็บเล็ตตัวนี้กันเป็นอย่างดีนั้นก็คือ ไอแพด (iPad) นั้นเอง</div><div><br />
</div><div><span class="Apple-style-span" style="color: red;"><b>** สรุปความหมายของแท็บเล็ตสั้นๆ ก็คือ </b>คอมพิวเตอร์พกพาหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางที่มีหน้าจอแบบสัมผัสในการใช้งานเป็นหลัก</span></div><div><span class="Apple-style-span" style="color: red;"><br />
</span></div><div>แต่นั่นก็เป็นมุมมองของแต่ละบริษัทและแต่ละคนว่าจะเรียกมันว่าอะไร ในอนาคตอาจจะมีการนิยามคำว่า แท็บเล็ต ใหม่ให้มันกระชับและครอบคลุมมากกว่านี้ก็ได้ครับ</div><div><br />
</div><div>เรียบเรียงโดย isack แหล่งข้อมูลจาก</div><div><ul><li><a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Tablet_personal_computer#cite_note-3">http://en.wikipedia.org/wiki/Tablet_personal_computer#cite_note-3</a></li>
<li><a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Tablet_personal_computer#cite_note-3"></a><a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Tablet_computer#cite_note-Editors_PC_Magazine-0">http://en.wikipedia.org/wiki/Tablet_computer#cite_note-Editors_PC_Magazine-0</a></li>
<li><a href="http://en.wikipedia.org/wiki/X86">http://en.wikipedia.org/wiki/X86</a></li>
<li><a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Wax_tablet">http://en.wikipedia.org/wiki/Wax_tablet</a></li>
</ul></div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-47044666133266685302011-08-15T23:14:00.002+07:002011-08-15T23:21:06.196+07:007 แท็บเล็ตสุดเจ๋ง ของปี 2011<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZfvFQCATA6Gk5ZLvMxt0zhNLECLbsQXzqKUq6wuRMeidCGuslobHkiWEo3MBE4q-uI2h4kr7fcrM_2Rim4rRilf0pIMMlKZ538bY2MTm9GnTQbwkOpHWYFDmbbv2DlnIm5at9IvjmMNs/s1600/7JCAMDMXHICAF1N7X0CAHDHSSVCAUDDLK9CA0ENCQTCAQ2XTQ0CAQOKCAFCAKQ399FCACY64KQCAH12JYSCAAEUJ4SCAS35RUVCAP9JZKTCAKHM5T1CA7OBXFZCA5JJ10HCAU8VG72CAN1HO60CAESENJWCA5D4JAU.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="211" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZfvFQCATA6Gk5ZLvMxt0zhNLECLbsQXzqKUq6wuRMeidCGuslobHkiWEo3MBE4q-uI2h4kr7fcrM_2Rim4rRilf0pIMMlKZ538bY2MTm9GnTQbwkOpHWYFDmbbv2DlnIm5at9IvjmMNs/s320/7JCAMDMXHICAF1N7X0CAHDHSSVCAUDDLK9CA0ENCQTCAQ2XTQ0CAQOKCAFCAKQ399FCACY64KQCAH12JYSCAAEUJ4SCAS35RUVCAP9JZKTCAKHM5T1CA7OBXFZCA5JJ10HCAU8VG72CAN1HO60CAESENJWCA5D4JAU.jpg" width="320" /></a></div><span style="color: navy;"> ทุกวันนี้ไม่ว่าจะหันซ้ายมองขวา ทั้งตามห้างสรรพสินค้า บนรถไฟฟ้า และตามสถานที่ต่าง ๆ มักจะพบเห็นผู้คนก้มหน้าก้มตาเล่นแท็บเล็ตกันให้ทั่ว แถมเจ้าแท็บเล็ตที่ว่ายังมีมากมายหลายยี่ห้ออีกต่างหาก แต่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าอะไรคือแท็บเล็ต และมีความแตกต่างกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ว่า เจ้าแท็บเล็ตที่เห็น ๆ กันอยู่นี้ จัดเป็นคอมพิวเตอร์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีคีย์บอร์ดหรือหรือปุ่มคำสั่งต่าง ๆ อยู่ในตัว ที่สำคัญมีขนาดที่กระทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก แถมยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานอีกเยอะแยะมากมาย <span style="font-weight: bold;">ด้วยเหตุนี้เอง กระปุกดอทคอมจึงได้คัดสรรแท็บเล็ตเจ๋ง ๆ มาฝากทุกท่านที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและกำลังสนใจมองหาแท็บเล็ตดี ๆ สักเครื่อง จะมียี่ห้อไหน รุ่นใดบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย...</span></span><br />
<span style="background-color: #c1ffb8; font-weight: bold;">1. ไอแพด 2 (Apple iPad 2)</span><br />
<br />
ขึ้นชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคิดค้นโดย สตีฟ จ็อบ ซีอีโอขั้นเทพของแอปเปิ้ล (Apple) แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าไม่มีผิดหวังแน่ แถมยังโดนใจสาวกแอปเปิ้ลทั่วโลกอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ "iPad 2" ที่มีดีไซน์โดดเด่นบางเป็นพิเศษ และมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ไว้รองรับการใช้งานที่มีความหลากหลาย ทั้งเล่นเว็บ เช็คเมล์ ดูหนัง อ่านหนังสือ และอื่น ๆ อีกสารพัด พร้อมด้วยหน้าจอขนาดใหญ่และมีความละเอียดสูง แถมยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานนับ 10 ชั่วโมงอีกด้วย สำหรับ iPad 2 นี้สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15,900 บาท เรื่อยไปจนถึง 25,900 บาท ตามแต่รุ่นและขนาดความจำของเครื่อง<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgEoIjNUKaSpbBQ4Pmo0FkxKUBK1N8h8virY4WHjj6um1P3-eZoXOJk-I7YE4QZd59m2-CGHvtCGI_o2YiYAWvPesDc-sOV5pBxm2Em43w7D-FB8N_62U8hK4IbSLK5cyqdoDWKrOlZm5c/s1600/1_8.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="298" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgEoIjNUKaSpbBQ4Pmo0FkxKUBK1N8h8virY4WHjj6um1P3-eZoXOJk-I7YE4QZd59m2-CGHvtCGI_o2YiYAWvPesDc-sOV5pBxm2Em43w7D-FB8N_62U8hK4IbSLK5cyqdoDWKrOlZm5c/s320/1_8.jpg" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">iPad 2<br />
<div align="left"><br />
</div></td></tr>
</tbody></table>2. เอชพี ทัชแพด (HP TouchPad)<br />
TouchPad เป็นแท็บเล็ตที่มีความสวยงาม น่าใช้ และดึงความสนใจให้กับผู้ใช้ได้อย่างมาก มีตัวเครื่องเป็นสีดำมันวาว มีดีไซน์ให้ขอบพลาสติกมีความโค้งมนทำให้สบายมือในขณะถือ แถมมีปุ่มการใช้งานที่น้อยมาก หน้าจอสัมผัสมีขนาด 9.7 นิ้ว ส่วนแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ จะแสดงบนหน้าจอเป็นรูป "บัตรสี่เหลี่ยม" เล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้นิ้วเลื่อนไปด้านข้างเพื่อดูแอพฯ ต่าง ๆ ได้ และเมื่อต้องการใช้แอพฯ ตัวไหนก็แตะเพื่อขยาย หรือดีดมันขึ้นไปเพื่อปิดได้อย่างฉับไว ทั้งนี้ทางเอชพีสนนราคา TouchPad เริ่มต้นอยู่ที่ 15,000 บาท สำหรับรุ่น 16 GB และ 18,000 บาท สำหรับรุ่น 32 GB<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5PXQOGKlo8iTM9CthSOGn2UgWUTDifXJNgC1oQJ9fkz7mBpji-YmTyJZRkCKgGa0ywl6qkBt1NYHhzyksMjzej4o-jcge0e9rKYoiNQkjfyZu4SA-FyCd7ZDPPHOHbFYjlIc5ssfKzUc/s1600/197t.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="315" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5PXQOGKlo8iTM9CthSOGn2UgWUTDifXJNgC1oQJ9fkz7mBpji-YmTyJZRkCKgGa0ywl6qkBt1NYHhzyksMjzej4o-jcge0e9rKYoiNQkjfyZu4SA-FyCd7ZDPPHOHbFYjlIc5ssfKzUc/s320/197t.jpg" width="320" /></a></div><div style="text-align: center;">HP TouchPad</div><br />
3. แบล็กเบอร์รี่ เพลย์บุ๊ก (BlackBerry PlayBook)<br />
<br />
ถือเป็นอีกหนึ่งแท็บเล็ตที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย ซึ่งเจ้าเพลย์บุ๊กนี้ ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์อันบางเฉียบ สะดวกต่อการพกพา พร้อมประสิทธิภาพการทำงานชั้นเยี่ยม สามารถท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้แบบไร้ที่ติ แถมด้วยระบบการทำงานแบบสลับการใช้งานไปมาระหว่างแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า "Multitasking" และระบบมัลติมีเดียที่มีประสิทธิภาพสูง ในส่วนของราคานั้น เริ่มต้นที่ 16,900 บาท และแพงขึ้นตามขนาดของหน่วยความจำเครื่อง สูงสุดอยู่ที่ 21,900 บาท<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh6P4h_bxYQvJOBoyeYRV8YUz7nrhlRYzGUoDuzrSlQnTFfw4dYNTdopaSff6z40s4dmg1r-Nu-uVzkfxL86XOU9jkIJULPfV6zBHAPxENAJFXaqS_ZUEukYxuzX9yAm0Pwlg4aN_i8dXk/s1600/s_27857_3049.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="222" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh6P4h_bxYQvJOBoyeYRV8YUz7nrhlRYzGUoDuzrSlQnTFfw4dYNTdopaSff6z40s4dmg1r-Nu-uVzkfxL86XOU9jkIJULPfV6zBHAPxENAJFXaqS_ZUEukYxuzX9yAm0Pwlg4aN_i8dXk/s320/s_27857_3049.jpg" width="320" /></a></div><div style="text-align: center;">BlackBerry PlayBook </div><br />
<br />
4. ซัมซุง กาแล็กซี่ แท็บ 10.1 (Samsung Galaxy Tab 10.1)<br />
<br />
อีกหนึ่งแท็บเล็ตในตระกูล Galaxy Tab มีขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นแรก ๆ และมีการเพิ่มเติมในส่วนของลูกเล่นการทำงานเข้าไปอีกจำนวนหนึ่ง มีจุดเด่นอยู่ที่ความบางเพียงแค่ 8.6 มิลลิเมตร และหนักแค่ 565 กรัม นอกจากนั้นยังสามารถเล่นวีดีโอจาก Adobe Flash ได้ มีขนาดความกว้างของหน้าจอ 10.1 นิ้ว พร้อมความละเอียด 1200 x 800 พิกเซล สามารถเล่นวีดีโอแบบเอชดี (HD) ได้อย่างสบาย ๆ มีขนาดของหน่วยความจำให้เลือก 16 GB และ 32 GB พร้อมช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ SD เพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 32 GB ในส่วนของราคานั้น เริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท สำหรับรุ่น 16 GB และราคาประมาณ 18,000 บาท สำหรับรุ่น 32 GB<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVGZQL9XTHnxF7BPH9YOKu4vbXaogsJGtCbUBkdOH37oDIZzi6pWT27xeHXj9NW06xg-8XkkbrPBQroDqVW49IkKfRzrMSFoWbc2I-BpRo0eA82Ree-t3cqjTwOSBy87B0EjuFJBb18yo/s1600/59150-new-217926.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="215" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVGZQL9XTHnxF7BPH9YOKu4vbXaogsJGtCbUBkdOH37oDIZzi6pWT27xeHXj9NW06xg-8XkkbrPBQroDqVW49IkKfRzrMSFoWbc2I-BpRo0eA82Ree-t3cqjTwOSBy87B0EjuFJBb18yo/s320/59150-new-217926.jpg" width="320" /></a></div><div style="text-align: center;">Samsung Galaxy Tab 10.1 </div><br />
5. เอชทีซี ฟลายเออร์ (HTC Flyer)<br />
<br />
แท็บเล็ตตัวแรกของเอชทีซี ที่มาพร้อมหน่วยความจำ 32 GB มีระบบประมวลผล 1.5 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 (Android 2.3) มาพร้อมยูสเซอร์อินเทอร์เฟซ HTC นอกจากนั้นแล้ว เจ้า Flyer นี้ยังมาพร้อมด้วยปากกาไฟฟ้าที่ใช้ถ่านขนาด AA ในการใช้สัมผัสกับหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ซึ่งสร้างความแตกต่างกับแท็บเล็ตอื่น ๆ ทั่วไป โดยปากกานี้จะตอบสนองกับแอพพลิเคชั่นที่ทางเอชทีซีพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ ทั้งการเขียน วาดภาพ แทรกรูป บันทึกเสียง และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นแอพฯ จดบันทึกที่สมบูรณ์ที่สุด และเหมาะแก่การพกพาอีกด้วย ด้านราคาของ Flyer ตัวนี้ ทางเอชทีซีสนนราคาไว้ที่ประมาณ 21,000 บาท<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEime1Zku1vN-_Gc2BkstHOhjVmk62qVu-XWfDtfnA1mBKe_ooTG4alJZt5gqN_1tgRXCrW567OZmt7SB4gFC_t0SYc76F2Q6y0IEJwFi20-jXJQKOwkDqkqbcnprpwJo-UBEJ41TeRXi7s/s1600/200_1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="222" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEime1Zku1vN-_Gc2BkstHOhjVmk62qVu-XWfDtfnA1mBKe_ooTG4alJZt5gqN_1tgRXCrW567OZmt7SB4gFC_t0SYc76F2Q6y0IEJwFi20-jXJQKOwkDqkqbcnprpwJo-UBEJ41TeRXi7s/s320/200_1.jpg" width="320" /></a></div><div style="text-align: center;">HTC Flyer</div><br />
6. โมโตโรล่า ซูม (Motorola Xoom)<br />
<br />
เป็นแท็บเลตที่มีหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 (Android 3.0) มีกล้องพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียด HD 720p มีหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core ความเร็ว 1GHz พร้อมด้วยหน่วยความจำภายใน 32 GB และแรมอีก 1 GB นอกจากนั้นแล้วยังรองรับ microSD card สามารถใส่ซิมการ์ดเพื่อใช้งาน 3G ได้อีกด้วย ในส่วนของราคาก็มีการเริ่มต้นอยู่ที่ 19,900 บาท<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEge0trMpuBrT_6_-GA_8xGwv6AOJElC8eczrz_HyTjt25s7idIiEtoa_8pAlJfuNTnEWYWwkKb-ie-SnYhAG_7UfIDE20-mW6_5FJhi6qINXXbNSrPjiaprMDOF7pYWQIWHK_DfGZ9JfEw/s1600/244_39_1307420865_2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="224" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEge0trMpuBrT_6_-GA_8xGwv6AOJElC8eczrz_HyTjt25s7idIiEtoa_8pAlJfuNTnEWYWwkKb-ie-SnYhAG_7UfIDE20-mW6_5FJhi6qINXXbNSrPjiaprMDOF7pYWQIWHK_DfGZ9JfEw/s320/244_39_1307420865_2.jpg" width="320" /></a></div><div align="left" style="text-align: center;">Motorola Xoom</div><br />
7. แอลจี ออพติมัส แพด (LG Optimus Pad)<br />
<br />
แท็บเล็ตของแอลจีตัวนี้มีความโดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 8.9 นิ้ว ที่สำคัญยังถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้กล้องแบบ 3 มิติ พร้อมความละเอียด 1280 x 768 พิกเซล อีกด้วย จัดเป็นแท็บเล็ตที่มีขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 (Android 3.0) รองรับการแสดงผลของทุกแอพพลิเคชั่นบนแอนดรอยด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อาทิเช่น Google eBooks Google Maps 5 และ Google Talk นอกจากนั้นยังมีหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core ความเร็ว 1GHz โดยทางแอลจีสนนราคาในการจำหน่ายอยู่ที่เครื่องละ 24,900 บาท<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4bKAUio8yFNviN3Myl3E9R-PBBano7-ANCEqez4j3xQkKknmFmZFnXgPF8mR-RILzJPgITf59fkJlNXuThBAxBqp9zAZTl9gMZ0Gc4Pb7ehiBfdVGlYl6cVnHhlenfqN_ddEgO3Cjux8/s1600/60426-new-278237_1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="231" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4bKAUio8yFNviN3Myl3E9R-PBBano7-ANCEqez4j3xQkKknmFmZFnXgPF8mR-RILzJPgITf59fkJlNXuThBAxBqp9zAZTl9gMZ0Gc4Pb7ehiBfdVGlYl6cVnHhlenfqN_ddEgO3Cjux8/s320/60426-new-278237_1.jpg" width="320" /></a></div><div style="text-align: center;">LG Optimus Pad </div><br />
แท็บเล็ตทั้ง 7 ที่เราได้คัดสรรมานี้ ล้วนแล้วแต่มีฟังค์ชั่นในการใช้งานที่เด็ดและเจ๋งมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีแท็บเล็ตยี่ห้อและรุ่นอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้ลองเลือกดูและซื้อหากัน แต่จะอย่างไรก็ดี กระปุกดอทคอมก็ขอให้คุณเลือกใช้แท็บเล็ตอย่างเหมาะสม ให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานของตัวคุณจะดีที่สุด<br />
<div align="right"><u><span style="color: blue;">เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม</span></u>ขอขอบคุณภาพประกอบจาก <a href="http://www.apple.com/ipad/features/" target="_blank">apple.com</a> ,<a href="http://h41112.www4.hp.com/promo/webos/us/en/tablet/touchpad.html" target="_blank"> h41112.www4.hp.com</a> , <a href="http://us.blackberry.com/playbook-tablet/" target="_blank">us.blackberry.com </a>, <a href="http://www.blogger.com/,http://www.samsung.com/global/microsite/galaxytab/10.1/images.html" target="_blank">samsung.com</a> , <a href="http://www.htc.com/www/product/flyer/overviewa.html" target="_blank">htc.com</a> ,<a href="http://www.xoomblog.com/hands-on-with-the-motorola-xoom/" target="_blank">xoomblog.com</a> ,<a href="http://www.hitechreview.com/it-products/tablets/lg-optimus-pad/30404/" target="_blank">hitechreview.com</a><br />
</div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-36312232978408838502011-08-15T22:27:00.002+07:002011-08-15T22:33:06.239+07:00สพฐ.อบรมครูใช้แท็บเล็ต ก่อนแจกจริง!<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_Gd_MBWjoPgU8NX3MiE9ws7PXBgjORNfcKPtVUFiqrTb0cxz9v91V4OZk1T88j5u39JFw6zOlAqE9vprSll2Mc2kmW9-dt7pX1EFFZUi-brA1HKbPHWk-aYw8R3hHtfMUXYy-s0XnWNI/s1600/118614_headline.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="255" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_Gd_MBWjoPgU8NX3MiE9ws7PXBgjORNfcKPtVUFiqrTb0cxz9v91V4OZk1T88j5u39JFw6zOlAqE9vprSll2Mc2kmW9-dt7pX1EFFZUi-brA1HKbPHWk-aYw8R3hHtfMUXYy-s0XnWNI/s320/118614_headline.jpg" width="320" /></a></div><span style="color: red;">สพฐ.อบรมครูใช้แท็บเล็ต</span> <br />
สพฐ.สั่งสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน (สทร.)จัดทำคู่มืออบรมครูประถมต้นใช้แท็บเล็ตประกอบการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดทำเนื้อหารูปแบบอี-คอนเทนต์ กำชับครูผู้สอนมีแบบฝึกเสริมพิเศษเกิดประโยชน์สูงสุด รองรับนโยบาย One Tablet Per Child หลายฝ่ายไม่ต้องห่วงเด็กแอบเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะ<br />
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2554 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สพฐ.เตรียมจัดอบรมครูระดับประถมศึกษาตอนต้นให้รู้จักการใช้แท็บเล็ตประกอบการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์สูงสุด รองรับนโยบาย One Tablet Per Child ของรัฐบาลที่จะมีการแจกแท็บเล็ตประจำตัวนักเรียน<br />
ทั้งนี้ จะเริ่มทยอยแจกในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างมอบให้สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน (สทร.) ไปจัดทำคู่มือพัฒนาครู เพื่อแจกไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานำไปใช้อบรมครูในพื้นที่ และเตรียมเนื้อหาต่างๆ ในรูปของอี-คอนเทนต์ ไว้รองรับการใช้งานด้วยการสร้างหน่วยการเรียนรู้วิชาต่างๆ ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เรียนบนแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ประมาณ 2,550 เรื่องในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6<br />
"สพฐ.มีแผนกำชับให้ครูผู้สอนพยายามมีแบบฝึกเสริมพิเศษให้เด็กได้หัดเขียน คัดรายชื่อ และสนทนา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กขาดการฝึกฝนทักษะเหล่านี้อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนไปใช้เครื่องแท็บเล็ตแทนหนังสือเรียนและดาวน์โหลดเนื้อหาต่างๆ ไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ โรงเรียน แล้วให้นักเรียนเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินทราเน็ตของโรงเรียนแทน ไม่ได้ให้เด็กเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง" นายชินภัทร กล่าว<br />
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงการดำเนินการโครงการ One Tablet Per Child ตามที่ได้ประกาศไว้ รวมถึงแนวทางจัดงบประมาณในการจัดซื้อตำราเรียนฟรีมาใช้ในโครงการดังกล่าวว่า เบื้องต้นจะเตรียมความพร้อมในเรื่องเนื้อหา หลักสูตร รวมถึงการวางระบบในการใช้แท็บเล็ตให้เชื่อมโยงกัน เพราะต่อไปแท็บเล็ตจะไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการเรียนแต่จะเป็นเครื่องมือที่สามารถสื่อสารทั้งระบบการศึกษา ฐานข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศ<br />
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ในส่วนงบประมาณจัดซื้อตำราเรียนฟรี ตนและผู้บริหารทุกคนจะมาดูร่วมกันและทำข้อมูลขึ้นมา ซึ่งต้องมาดูว่าหากในพื้นที่ใดใช้แท็บเล็ตได้ประโยชน์กว่าก็ใช้ แต่หากพื้นที่ใดจำเป็นต้องใช้หนังสือก็จะคงไว้ก่อน ขณะนี้งบประมาณปี 2555 ยังไม่ผ่านการพิจารณา คาดว่าจะมีการประชุมสภาเพื่อพิจารณาประมาณเดือนธันวาคม หรือมกราคม 2555 ดังนั้นอาจจะสามารถดำเนินการได้ในต้นปีหรือปลายปีการศึกษา 2555<br />
<div align="right"><span style="color: #d9d2e9;">ที่มา : นสพ.คมชัดลึก</span></div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-38682795404963277702011-08-14T00:06:00.019+07:002012-08-09T18:53:57.790+07:00กิจกรรมของเรา<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="float: left; margin-right: 1em; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img border="0" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQ7yQb8k2VxkJ935GkGhrW8NbqG5AYEgvUQemtxayyxL2fI8ON5WdfEZaEPMyb3q8bhRD0I9bTUpGaKc-DkmCPELNZKDt0tDQZqZ6MiPRXIRS-JPBCi7KKBuVqEfGcFBpZ9fu627DiQGY/s1600/bitec.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"></td></tr>
</tbody></table>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2554 โรงเรียนบ้านบะได้นำนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 44 คน ครู 7 คน นำโดยผู้อำนวยการโรงเรียน นายอนุวัฒน์ ลักขษร ทัศนศึกษาวันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนา นักเรียนสนุกสนานสนใจกับกิจกรรมการจัดงาน และ พักผ่อนเล่นน้ำทะเลที่ชายหาดบางแสน ชลบุรี<br />
<object data="http://widget-ce.slide.com/widgets/slideticker.swf" height="320" style="height: 320px; width: 426px;" type="application/x-shockwave-flash" width="426"><param name="movie" value="http://widget-ce.slide.com/widgets/slideticker.swf" /><param name="quality" value="high" /><param name="scale" value="noscale" /><param name="salign" value="l" /><param name="wmode" value="transparent"/><param name="flashvars" value="cy=ms&il=1&channel=1657324662900327630&site=widget-ce.slide.com"/></object><br />
<div style="white-space: nowrap;">
</div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-52783780894767293222011-08-10T23:52:00.013+07:002012-08-09T11:02:49.982+07:00<div style="text-align: center;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqFEfsF9TrjYo2nR3YFt24EuHz4P28X58q_GVR0ByXqnVk6DziYNnGFXc7CWkrEXhCj05MhYfRJUOwbMaIO5xNrId6E9WTEc3YHyGQzODYlYooBEXrVi1kRHtO6k1NQX9Y9-rLUG4Yyto/s1600/images.jpg" /></div>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-HBiV2rkYcZv0wtMtkTg5k-5rtnTsuo2KJEf_5Iy02WDqJC6JuPxGR55cCrwokccAka7fw7ynH4M0lLEwgNXN-l_xf_DlMBGQ7hBA3C7PfGYd1_CmzFwy6jraAnuePTCBX-pWvKmaGms/s1600/%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="54" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-HBiV2rkYcZv0wtMtkTg5k-5rtnTsuo2KJEf_5Iy02WDqJC6JuPxGR55cCrwokccAka7fw7ynH4M0lLEwgNXN-l_xf_DlMBGQ7hBA3C7PfGYd1_CmzFwy6jraAnuePTCBX-pWvKmaGms/s320/%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588.jpg" width="320" /></a></div>
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12สิงหาคม 2554 เพื่ออัญเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันแม่แห่งชาติปี 2554ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ความว่า<br />
<span style="color: blue;">"เพลงชาติไทยเตือนไทยไว้เช้าค่ำ ให้จดจำจารึกใจไว้ทุกส่วน จะดำรงคงไทยได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี"</span><br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicn-Cip8se7jSbMDO3mLLxrxd7pUFJx7co5c-RlIJD1IP-aw6GiOYfKjDAhR9-KKXaksF2kzRRKmA4jdehZ_A4j_gVizGIiH8icLI8KBujVPTq5TUXk_Wz_6jLqrE-S_1oJU5oS6Shx_w/s1600/%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%25882.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="46" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicn-Cip8se7jSbMDO3mLLxrxd7pUFJx7co5c-RlIJD1IP-aw6GiOYfKjDAhR9-KKXaksF2kzRRKmA4jdehZ_A4j_gVizGIiH8icLI8KBujVPTq5TUXk_Wz_6jLqrE-S_1oJU5oS6Shx_w/s320/%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%25882.jpg" width="320" /></a></div>
วันแม่แห่งชาติ งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีงานวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="color: red;">ทำไมจึงใช้ดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำวันแม่</span></div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4SMeUGDHLPP8VaI8G1NutlNLTmm_bIDZs-pP7HLoyi1FdoIEI_aakaXEX-FYJfhdfhDzaFKTOnHs12gTVsYdJ8E1Vn51b2EuqRw8ETyEtm3pa8clY0Uf5HfEdOaLi0OnKcaKSPxHwzJI/s1600/Mother4.jpg" imageanchor="1" style="cssfloat: left; margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="212" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4SMeUGDHLPP8VaI8G1NutlNLTmm_bIDZs-pP7HLoyi1FdoIEI_aakaXEX-FYJfhdfhDzaFKTOnHs12gTVsYdJ8E1Vn51b2EuqRw8ETyEtm3pa8clY0Uf5HfEdOaLi0OnKcaKSPxHwzJI/s320/Mother4.jpg" width="320" /></a></div>
การที่ใช้ดอกมะลิ เป็นสัญลักษณ์วันแม่ ก็เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมที่หอมไปไกลและหอมได้นาน ผลิดอกได้ทั้งปี อีกทั้งยังนำไปปรุงเป็นเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ลึกซึ้งที่แม่มีต่อลูก เป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาที่ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีพิษมีภัย มีแต่ความชุ่มชื่นใจดั่งความหอมของดอกมะลิ</div>
<div style="text-align: justify;">
</div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="color: red;"><a name='more'></a>
ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่</span>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZVvIq0bJ6bSzH0CZizqeCo4mbKkpSz99OUHDfKf22m2_psKXgI1738rz8L9i-F0mr9_5QBZ4z36XUSm1uCp6lH53Z4WBtjeqstIURHTDdT8BhjPI7sXuGyNi9V6mPayhNiVxmLzsdq68/s1600/Mother3.jpg" imageanchor="1" style="cssfloat: right; margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZVvIq0bJ6bSzH0CZizqeCo4mbKkpSz99OUHDfKf22m2_psKXgI1738rz8L9i-F0mr9_5QBZ4z36XUSm1uCp6lH53Z4WBtjeqstIURHTDdT8BhjPI7sXuGyNi9V6mPayhNiVxmLzsdq68/s320/Mother3.jpg" width="320" /></a></div>
<div style="text-align: justify;">
ชื่อ : มะลิ มะลิลา มะลิหลวง มะลิซ้อน </div>
<div style="text-align: justify;">
ชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อพฤกษศาสตร์ : Jusminum adenophyllum. </div>
<div style="text-align: justify;">
วงศ์ : OLEACEAE </div>
<div style="text-align: justify;">
ลักษณะทั่วไป : เป็น พรรณไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ลำต้นสูงประมาณ 5 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกเป็นคู่ ไปตามก้านต้นลักษณะใบป้อมมน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบไม่มีจัก ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบยาว 2-3 นิ้ว มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อตามปลายยอดหรือปลายกิ่งประมาณ 3-5 ดอก แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน ออกดอกตลอดปี </div>
<div style="text-align: justify;">
การขยายพันธุ์ : เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ปลูกในดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการปักชำ หรือตอนกิ่ง </div>
<div style="text-align: justify;">
สรรพคุณทางยา : มะลินอกจากจะมีกลิ่นหอมไว้ดมแล้ว มะลิดอกแห้งใช้ปรุงเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี </div>
<em> มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก กรุ่นกลิ่น “รัก” บริสุทธิ์ผุดผ่องใส </em><em>แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ เป็นมาลัย “กราบแม่” พร้อมน้อมบูชา</em><br />
<br />
<div style="text-align: right;">
ดอกเอ๋ยดอกมะลิ ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น </div>
<div style="text-align: right;">
สดสะอาดปราศสีราคีระคน เหมือนกมลใสสดหมดระคาย </div>
<div style="text-align: right;">
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย </div>
<div style="text-align: right;">
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย </div>
<br />
*คำประพันธ์บทดอกสร้อยชื่อ แม่จ๋า ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="color: red;">เพลงวันเเม่</span></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
ค่าน้ำนม คือ เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ เเต่งขึ้นโดยไพบูลย์ บุตรขัน ขับร้องบันทึกเสียงครั้งแรกโดย ชาญ เย็นแข เมื่อ พ.ศ. 2492 ซึ่งได้ฟังเมื่อไร เป็นต้องหวนระลึกถึงบุญคุณของเเม่เเละวันคืนเก่าๆ ของวิถีไทยในสมัยก่อน</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="color: red;"><strong>เนื้อเพลง ค่าน้ำนม</strong></span></div>
<br />
แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเหไปจนไกล<br />
แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดแต่รักลูกปักดวงใจ เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไรมิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม <br />
ควรคิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋าลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน <br />
ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyKb63p8awMieCIBuIx5RyJw4b2_O3U6B7QW1qEzkVEFVAaIMfAQskyKpY28GR27MKfiZ5NSFNQ0MeNlgMsIohsJA_znw26M_uYp425OEK4Q98Q3TZ4GVqxHq8AJ0W-deL3Unn4qYegg0/s1600/Mother5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="224" naa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyKb63p8awMieCIBuIx5RyJw4b2_O3U6B7QW1qEzkVEFVAaIMfAQskyKpY28GR27MKfiZ5NSFNQ0MeNlgMsIohsJA_znw26M_uYp425OEK4Q98Q3TZ4GVqxHq8AJ0W-deL3Unn4qYegg0/s320/Mother5.jpg" width="320" /></a></div>
<div align="center">
<span style="color: blue; font-family: Arial;"><strong><em>หนึ่งคำ “รัก” ลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้ </em></strong></span></div>
<div align="center">
<span style="color: blue; font-family: Arial;"><strong><em>แต่แม่จ๋า… “รักที่หนึ่ง” ของหัวใจ มิใช่ใคร “ลูก รัก แม่” แน่นิรันดร์</em></strong></span><br />
<br />
<span style="font-family: Arial;"><strong>พระคุณแม่ยิ่งใหญ่หาใดเทียบ มิอาจเปรียบแม้ภูผาชลาสินธุ์</strong></span><br />
<span style="font-family: Arial;"><strong>น้ำนมที่กลั่นให้ลูกได้ดื่มกินลูก ถวิลถึงคุณค่าว่าอนันต์</strong></span></div>
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="349" src="http://www.youtube.com/embed/xYvg70Pigyo" width="425"></iframe>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-42254470512651546072011-08-09T19:47:00.014+07:002011-08-10T23:18:41.244+07:00ปลาแดก...ชีวิตของปลาในไห<div align="center" class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoU8eUD-WmKqvVhvG7BFdWIIITsYf7se0ZnFEyvmsVpbHgErcEgstqrCW4oXmSdkZgfyXiwCaPVHm59PK2QgBQEqfp_u4VfHzffq3bOaqL4BQK1guV9xO6mVGgsKaX9SBu0bZlX2GYL8o/s1600/pradag2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="53px" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgoU8eUD-WmKqvVhvG7BFdWIIITsYf7se0ZnFEyvmsVpbHgErcEgstqrCW4oXmSdkZgfyXiwCaPVHm59PK2QgBQEqfp_u4VfHzffq3bOaqL4BQK1guV9xO6mVGgsKaX9SBu0bZlX2GYL8o/s400/pradag2.png" width="400px" /></a></div><span style="color: red;"></span><br />
<span style="color: blue; font-size: x-small;">โดย ชุมพล แนวจำปา : ศึกษานิเทศก์ 9 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขตที่ 2</span> <br />
<br />
<div style="text-align: justify;"> คำว่า <strong><span style="color: red; font-size: large;"><em>"ปลาแดก"</em></span></strong> ในภาษาอีสาน ตรงกับคำว่า "ปลาร้า" ในภาษาไทยกลาง แต่ในความเป็นจริง ปลาแดกของชาวอีสานกับปลาร้าของชาวไทยกลางนั้นมีความแตกต่างกัน อย่างน้อยก็แตกต่างกันในส่วนประกอบและวิธีการทำ และอาจจะแตกต่างกันในบทบาทต่อชีวิตเจ้าของมันด้วย ส่วนประกอบของปลาแดกที่เป็นหลักมี 3 อย่างคือ </div><br />
1. ปลา ที่นำมาทำปลาแดก ปลานี้จะเป็นปลาสดหรือปลาที่ไม่สดจนเกือบจะเน่าก็ได้ <br />
2 .รำข้าว หากจะให้เป็นปลาแดกขนานแท้และดั้งเดิม ควรจะเป็นรำข้าวซ้อมมือ <br />
3. เกลือ ปลาแดกขนานแท้ต้องเป็นเกลือที่ได้จากการต้มในท้องถิ่น (เกลือสินเธาว์) ไม่ใช่เกลือจากน้ำทะเล <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhd7_QEw8CT-ok4a9FffnlMjn3D5xdAoxEASmBMaZLec78IbCwmWrKbKmcbE8mUxxV58IHcJEybuCuv1fmvUO1Jp-NrqjQVTgxiPDcJntULH99v_bjfdcK2YOC4YB5w9yrKeT4wIJVuaJo/s1600/pladak_hi.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhd7_QEw8CT-ok4a9FffnlMjn3D5xdAoxEASmBMaZLec78IbCwmWrKbKmcbE8mUxxV58IHcJEybuCuv1fmvUO1Jp-NrqjQVTgxiPDcJntULH99v_bjfdcK2YOC4YB5w9yrKeT4wIJVuaJo/s1600/pladak_hi.png" /></a></div><div style="text-align: justify;"> วิธีการและขั้นตอนในการทำโดยสรุปก็ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน คือ เอาปลามาคลุกเคล้ากับรำข้าวและเกลือในปริมาณที่เหมาะสม เก็บไว้ในไหที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อไม่ให้แมลงวันเข้าไปไข่ใส่ปลาแดก เพราะหากแมลงวันไข่ใส่เมื่อใดก็จะมีตัวหนอนเกิดขึ้น แต่ถึงแม้จะมีตัวหนอน ก็ไม่ได้หมายความว่าปลาแดกนั้นสกปรกจนรับประทานไม่ได้ ปลาแดกที่มีตัวหนอนก็เป็นปลาแดกที่ดีได้เหมือนกัน</div><div style="text-align: justify;"> สำหรับปลาที่นำมาทำปลาแดกนั้น หากมีตัวโตๆ หรือค่อนข้างโตจะต้องสับให้เป็นชิ้นๆ เพื่อให้ความเค็มแทรกซึมเข้าไปได้อย่างทั่วถึง</div><div style="text-align: justify;">ระยะเวลาในการหมักปลาแดกประมาณ 7-8 เดือน ก็สามารถนำออกมารับประทานหรือปรุงอาหารได้ หากเร็วเกินไปปลาแดกก็จะมีกลิ่นคาว หากหมักได้ระยะเวลานาน ปลาแดกจะออกสีแดงๆ ส่งกลิ่นหอม แต่หากใส่เกลือไม่พอ กลิ่นของปลาแดกก็จะแปลกออกไปอีกแบบหนึ่ง เรียกปลาแดกชนิดนี้ว่า ปลาแดกต่วง เหมาะสำหรับนำไปปรุงส้มตำ แต่ไม่เหมาะสำหรับนำไปรับประทานหรือปรุงอาหารอย่างอื่น ปลาแดกต่วงนี้ถือว่าเป็นปลาแดกคุณภาพต่ำ ให้ประโยชน์ใช้สอยได้น้อย ไม่นิยมนำไปแลกเปลี่ยนหรือเป็นของฝาก อีกทั้งราคา (มูลค่าในการแลกเปลี่ยน) ก็ต่ำด้วย ปลาแดกนี้สามารถเก็บไว้ได้นานตลอดไป แต่โดยมากก็จะนำไปรับประทาน ปรุงอาหาร หรือแลกเปลี่ยนจนหมดเมื่อมีปลาแดกรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่</div><br />
ส่วนวิธีการและขั้นตอนในการทำปลาร้าของชาวไทยกลางนั้น จะแตกต่างจากปลาแดกของชาวอีสาน ส่วนประกอบของปลาร้าที่เป็นหลักมี 3 อย่างคือ<br />
<br />
1) ปลาที่นำมาทำปลาร้า 2) เกลือ 3) ข้าวคั่ว (บดละเอียด)<br />
วิธีการทำ คือ จะเอาปลามาคลุกเคล้ากับเกลือแล้วหมักไว้ก่อน เมื่อหมักได้ที่แล้วจึงเอาข้าวคั่วใส่แล้วหมักต่อ ก็จะเป็นปลาร้าของชาวไทยกลาง<br />
<br />
<strong><span style="color: red; font-size: large;"><em>"แดก"</em></span></strong> ไม่ใช่คำหยาบ<br />
<br />
<div style="text-align: justify;"> คำว่า <em><span style="color: red;">"แดก"</span></em> ในภาษาอีสานเป็นคำกิริยา หมายถึง การดันหรือยัดสิ่งหนึ่งเข้าไปในอีกสิ่งหนึ่ง หากจะนำเอาคำว่าแดกมาวิเคราะห์ความหมายตรงๆ ของคำว่า "ปลาแดก" ก็คงหมายถึง การดัน หรือยัดปลาแดกลงไปในไห แต่จากการสัมภาษณ์คนเฒ่าคนแก่ชาวบ้านอีสานหลายคน ได้ให้ความหมายของคำว่า "แดก" ว่ามาจากคำว่า "แหลก" คือปลาที่นำมาทำปลาแดกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาเล็กปลาน้อย หรือหากมีปลาที่ตัวใหญ่หน่อยก็จะต้องสับให้ "แหลก" เพื่อให้เข้าน้ำ เข้าเกลือ ได้อย่างทั่วตัวปลา ฉะนั้น ปลาที่นำมาทำปลาแดกจึงมีลักษณะที่ "แหลก" แต่ชาวอีสานหลายพื้นที่ออกเสียงอักษร "ร", "ล" กับอักษร "ด" กลับกัน จึงทำให้ "ปลาแหลก" กลายเป็น "ปลาแดก" ในที่สุด</div><br />
ดังนั้น คำว่า <span style="color: red;">"แดก"</span> ในภาษาอีสานจึงไม่ใช่คำหยาบที่หมายถึง "รับประทาน" ในภาษาไทยกลาง และดูเหมือนคำว่า <span style="color: red;">"แดก"</span> จะไม่มีที่ใช้ในความหมายอื่นอีกแล้วในภาษาอีสาน นอกจากความหมายที่กล่าวแล้วข้างต้น<br />
ส่วนคำไม่สุภาพที่ชาวอีสานใช้ในความหมายของ "รับประทาน" นั้นคือคำว่า "ซีแตก" ซึ่งตรงกับคำว่า "แดก" ในภาษาไทยกลางนั่นเอง<br />
<br />
<strong><span style="font-size: large;">"<span style="color: red;">ปลาแดก</span>" <span style="color: blue;">กับความมั่นคงในชีวิต</span></span></strong><br />
<br />
<div style="text-align: justify;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCDS6vwlozFyxeNq3xdfjJlwDoE7VnPU5K6wTvAEZjSnhr-Y5u_9iFyccSmmlgEJ8tR_JfKNJSvUPAEyfV4zYxKNqQ0KAU8lnUHzPn62Y6tLtBuJYlUxSJxAQsB_9Mpn8QEfjEqIKNZkI/s1600/pladak3.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="180px" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjCDS6vwlozFyxeNq3xdfjJlwDoE7VnPU5K6wTvAEZjSnhr-Y5u_9iFyccSmmlgEJ8tR_JfKNJSvUPAEyfV4zYxKNqQ0KAU8lnUHzPn62Y6tLtBuJYlUxSJxAQsB_9Mpn8QEfjEqIKNZkI/s320/pladak3.jpg" width="230px" /></a>ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของความมั่นคงในการดำรงชีวิตของชาวอีสานก็คือ การมีอาหารกินได้ตลอดปี หากมีอาหารเก็บกักไว้กินได้ตลอดปี นั่นหมายถึงความรู้สึกมั่นคงในการดำรงชีวิตของชาวอีสาน สิ่งสำคัญ 2 สิ่งที่ทำให้ชาวนาอีสานมีอาหารกินได้ตลอดปีคือ ข้าว กับ ปลาแดก</div><div style="text-align: justify;"> สำหรับ ข้าว นั้นเป็นอันเข้าใจได้ว่า การได้ข้าวในปริมาณที่มากพอที่จะใช้บริโภคได้ตลอดปี และมีเหลือสำหรับการแลกเปลี่ยนกับปัจจัยในการดำรงชีวิตอื่นๆ ที่อาจจะขาดไปในบางครั้ง </div><div style="text-align: justify;">ในส่วนของ ปลาแดก นั้นจะมีช่วงหนึ่งในตอนปลายฤดูการปักดำ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของฤดูฝน เป็นเวลาที่ปลาจะกลับลงสู่แม่น้ำลำคลอง เพื่อหนีความแห้งแล้งของฤดูแล้งที่กำลังจะตามมา ช่วงฝนสุดท้ายนี้ชาวอีสานเรียกว่า "ปลาลง" ชาวอีสานจะรีบดักปลาที่กำลัง "ลง" จากนาข้าวไปยังแหล่งน้ำใหญ่ เป็นช่วงที่ชาวนาจะได้ปลาแดกกันเกือบทุกครอบครัว ปลาแดกนี้จะต้องมีปริมาณที่มากพอในการบริโภคตลอดปี จนกว่าจะมีปลาแดกใหม่เข้ามาแทนที่</div><div style="text-align: justify;"> ปลาแดกมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของชาวอีสานมาก สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายอย่าง นับตั้งแต่การนำมารับประทานกับข้าวเหนียวได้เลย โดยมีพริกขี้หนู หอม และผักต่างๆ เป็นส่วนประกอบ หรือจะนำมาสับให้ละเอียด ใส่เครื่องปรุง เช่น หอม ตะไคร้ พริกสด มะนาว ใบมะกรูด ก็จะได้ "ลาบปลาแดก" ถ้านำมาทรงเครื่องหมกใบตองแล้วนำไปตั้งไฟ ก็จะได้ "หมกปลาแดก"</div><div style="text-align: justify;"> นอกจากนำมาเป็นอาหารโดยตัวของมันเองแล้ว อาหารอีสานทุกอย่างไล่ไปตั้งแต่ แจ่ว (น้ำพริก) ส้มตำ แกงคั่ว อ่อม อ๋อ หมก ป่น ลาบ ก้อย ฯลฯ ปลาแดกจะมีส่วนร่วมอยู่ในอาหารอีสานทุกอย่าง หากขาดปลาแดกเป็นส่วนประกอบแล้วก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นอาหารอีสานฉบับแท้ได้เลย แกงหน่อไม้ หรือป่นปลา ที่ไม่ได้ใส่ปลาแดกนั้น ต่อให้คนปรุงฝีมือดีเลิศปานใดก็ไม่อาจมีรสชาติที่แท้จริงได้เลย</div><div style="text-align: justify;">นอกจากบริโภคเองในครอบครัวแล้ว ปลาแดกยังเป็นของฝากที่ดีด้วยเมื่อญาติพี่น้องไปมาหาสู่กัน สิ่งที่ชาวบ้านอีสานนิยมฝากติดไม้ติดมือไปด้วยก็คือปลาแดก ชาวบ้านที่มีฝีมือขึ้นชื่อในการทำปลาแดกในหมู่บ้านหนึ่งนั้นย่อมเป็นที่รับรู้กันในระบบเศรษฐกิจแบบเลี้ยงตัวเอง ชาวบ้านจะผลิตเพื่อกินเพื่อใช้ในครอบครัวเกือบทุกอย่าง ชาวบ้านมีความเพียงพอในตัวเอง พึ่งพาผลผลิตจากภายนอกเป็นส่วนน้อย คือพึ่งพาภายนอกเฉพาะส่วนที่ชุมชนผลิตเองไม่ได้ เช่น เกลือ เครื่องใช้ที่ทำด้วยเหล็ก เป็นต้น</div><div style="text-align: justify;">สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ระบบการแลกเปลี่ยนจะเป็นแบบแลกของ เงินตรายังไม่มีบทบาทในชีวิตของชาวบ้าน สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่เป็นตัวหลักของชาวอีสาน ในระบบเศรษฐกิจแบบเลี้ยงตัวเองคือ ข้าวกับปลาแดก เพราะการมีข้าวกับปลาแดกในปริมาณที่มากพอ ย่อมประกันได้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่รอดได้ตลอดปีโดยไม่อดตาย แต่หากขาดปัจจัยอื่นๆ เหลือ เช่น เกลือ หอม พืชผักผลไม้หรือเครื่องใช้อื่นๆ ก็จะนำข้าวหรือปลาแดก (ซึ่งแล้วแต่ว่าส่วนไหนจะเป็นส่วนเกินมากกว่ากัน) นำไปแลกเปลี่ยนกับปัจจัยอื่นๆ ที่ขาดไป</div><div style="text-align: justify;"> ดังนั้น ปลาแดกนอกจากจะมีไว้เพื่อรับประทานหรือเป็นส่วนประกอบของอาหารทุกอย่างแล้ว ยังเป็นสื่อกลางสำคัญในการแลกเปลี่ยนที่เป็นที่ยอมรับกันในท้องถิ่น เป็นมาตรฐานสำคัญอันหนึ่งในการกำหนดอัตราการแลกเปลี่ยน (นอกจากข้าวเปลือก) เป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตและเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวจะต้องมี</div><div style="text-align: justify;"> มีคำกล่าวที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า "ผู้ใดทำลายไหปลาแดก ผู้นั้นบ่อนทำลายประเทศชาติ" และมีคำกล่าวอีกคำหนึ่งว่า "ที่ใดมีไหปลาแดก ที่นั่นเป็นลาว" เรามักจะได้ฟังคำกล่าวข้างต้นไปในทำนองตลกขบขัน แต่ในความเป็นจริงที่อยู่ลึกๆ ในความหมายของคำทั้งสองนั้น เป็นสิ่งที่จริงจังมากเกินกว่าจะทำให้เกิดความตลกขบขันได้</div><br />
<div style="text-align: justify;"><span style="color: red; font-size: large;"><em>"ที่ใดมีไหปลาแดก ที่นั่นเป็นลาว"</em></span> หมายความว่า ปลาแดกนั้นเป็นรากเหง้าของวัฒนธรรมการกินของชาวอีสาน เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในปัจจัยสี่อย่างของชาวนาอีสาน ฉะนั้นหากจะมองว่าบ้านใดเป็นอีสานแท้หรือไม่ ต้องดูว่าในบ้านมีไหปลาแดกหรือเปล่า ชาวอีสานจำนวนมากที่ได้เปลี่ยนชีวิตของตนเองมาเป็นคนเมือง รับเอาวัฒนธรรมการกินของส่วนกลางอย่างเต็มที่ ลืมไหปลาแดกที่เคยมีบทบาทในการผดุงความมั่นคงในชีวิตของชาวอีสานในอดีต</div><br />
<div style="text-align: justify;"><span style="color: red; font-size: large;"><em>"ผู้ใดทำลายไหปลาแดก ผู้นั้นบ่อนทำลายประเทศชาติ"</em></span> คำว่าทำลายไหปลาแดกนี้ มีความหมายลุ่มลึกกว่าการทำให้ไหปลาแดกแตก การทำลายไหปลาแดกในที่นี้หมายถึง การเปลี่ยนวัฒนธรรมการกินของชาวอีสานแบบดั้งเดิม มาเป็นวัฒนธรรมการบริโภคแบบคนเมือง เป็นการละทิ้งรากเหง้าของตัวเอง เป็นการเอาชีวิตของคนและชุมชนไปแขวนไว้กับเงินตรา หลงใหลสิ่งแปลกใหม่ที่เป็นของนอก นั่นหมายถึงความมั่นคงในการดำรงชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไป หลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตของชุมชนจะยึดอยู่กับเงินตราแทนแรงยึดเหนี่ยวภายในชุมชน (หมู่บ้าน)</div><br />
<strong><span style="color: red; font-size: large;">ยุคเผชิญหน้า "น้ำปลา-ปลาแดก"</span></strong><br />
<div style="text-align: justify;"> การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจจากเศรษฐกิจเพื่อเลี้ยงตัวเอง เป็นเศรษฐกิจเพื่อการค้า ได้เกิดแก่ชุมชนหมู่บ้านอีสานอย่าง กว้างขวาง ภายหลังจากการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเกือบทุกหมู่บ้านมีถนนตัดเข้าไปถึงถนนที่ตัดเข้าไปยังหมู่บ้านได้นำเอาสินค้าใหม่ๆ หลากหลายชนิดเข้าไปสัมผัสกับชีวิตชนบทอีสาน เครื่องกินของใช้หลายอย่างที่ชาวบ้านเคยผลิตเองใช้เอง ก็เปลี่ยนมาเป็นการผลิตเพื่อขายเพิ่มเข้าไปในการผลิตเพื่อเลี้ยงตัวเอง เพื่อให้มีส่วนเกินสำหรับนำไปขายให้ได้เงินมาซื้อสินค้าสำเร็จรูปต่างๆ ที่ประดังเข้ามาในหมู่บ้าน สื่อมวลชนต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ตลอดจนพ่อค้าชาวจีนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้เข้าไปมีบทบาทในการปลุกระดมเพื่อสร้างแนวคิด โลกทัศน์ค่านิยมในการบริโภคแบบคนเมืองให้กับชนบทอีสาน เงินตราได้เข้าไปมีบทบาทในชีวิตของชาวอีสานถึงขนาดที่เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ปริมาณของความสุขความทุกข์นั้นวัดกันด้วยจำนวนเงิน</div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: justify;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvcDUGc0DsZPHwcAdUetgLV34lWKYnz7zuUqzZ65ebaKFKAaKKOtqDjCEvKh20S57hPYhW5nJQSkcxKviu1nchdw9h-WisgQL7CUBWiUPzuI871YxlY0tc213lQGdHKX0hc3tlkX8JR_Q/s1600/pladak4.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320px" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvcDUGc0DsZPHwcAdUetgLV34lWKYnz7zuUqzZ65ebaKFKAaKKOtqDjCEvKh20S57hPYhW5nJQSkcxKviu1nchdw9h-WisgQL7CUBWiUPzuI871YxlY0tc213lQGdHKX0hc3tlkX8JR_Q/s320/pladak4.jpg" width="239px" /></a> การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจดังกล่าว เข้าไปกระทบชีวิตของชาวอีสานอย่างมากมาย มากมายจนหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ ไม่สามารถจะอธิบายผลกระทบมันได้ทั้งหมด ในบรรดาผลกระทบทั้งมวลนั้น "ปลาแดก" ก็ได้รับผลกระทบอันนั้นด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้</div><div style="text-align: justify;"> ปลาแดกที่เคยยืนโดดเด่นในฐานะเป็นส่วนสำคัญในอาหารทุกอย่าง เป็นคำข้าวทุกคำ ของชาวอีสานได้ลดบทบาทลงอย่างรวดเร็ว "น้ำปลาชนิดต่าง ๆ จากโรงงานอุตสาหกรรมได้เข้าไปแสดงบทบาทแข่งกับปลาแดกของชาวอีสาน" แต่ถึงแม้ว่าบทบาทของน้ำปลานั้นไม่มีทางที่จะไปแทนที่ปลาแดกได้อย่างแท้จริงก็ตาม แต่น้ำปลาก็เป็นสัญลักษณ์ของคนเมือง เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย จึงทำให้สายตาภายนอกที่มองเข้าไปในชนบทอีสานมองว่าปลาแดกเป็นของเก่า ล้าสมัย ไม่สะอาด ขณะนี้กำลังมีการโฆษณาวิธีการทำน้ำปลาจากปลาแดก ซึ่งนั่นหมายถึงการให้ความสำคัญน้ำปลาก่อนปลาแดก</div><div style="text-align: justify;"> ปลาแดก มิได้หมายความเพียงเป็นตัวแทนของความเค็มอย่างเดียวกับน้ำปลา เพราะลำพังความ "เค็ม" นั้น เกลือได้ทำหน้าที่ของมันเต็มที่อยู่แล้ว แต่ปลาแดกมีความหมายต่อชีวิตของชุมชนมากกว่าความ "เค็ม" แม้แต่ที่มาของปลาแดกก็แตกต่างจากน้ำปลาอย่างชัดเจน</div><div style="text-align: justify;">ที่มาของปลาแดก ไม่เกี่ยวข้องกับเงินตราเลย แม้แต่บาทเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นปลา เกลือ รำข้าว ล้วนแล้วแต่อยู่ในวิสัยที่ชาวบ้านสามารถผลิตได้ด้วยตนเองทั้งสิ้น แต่น้ำปลานั้นมีที่มาจาก "เงินตรา" อย่างแท้จริง</div><span style="color: red; font-size: large;">"บทส่งท้าย"</span><br />
<div style="text-align: justify;"> ปลาแดก ได้ทำหน้าที่รักษาความมั่นคง ในการดำรงชีวิตของชาวอีสานมาอย่างยาวนาน ภายใต้ระบบเศรษฐกิจเพื่อเลี้ยงตัวเอง ตราบจนกระทั่งระบบเศรษฐกิจได้เปลี่ยนไปเป็นเศรษฐกิจแบบการค้า ที่เงินตราได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของชาวนาอีสาน บทบาทของปลาแดกได้เปลี่ยนแปลงไป มีชาวนาอีสานทำปลาแดกขาย เพิ่มเข้าไปในการทำเพื่อบริโภคเองในครอบครัว และมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ไม่ได้ทำปลาแดกเอง แต่จะหาปลาแดกมาโดยการซื้อด้วยเงิน</div><div style="text-align: justify;"> บทบาทของปลาแดกเพื่อความมั่นคง เพื่อความอยู่รอดของชาวบ้านอีสานได้เปลี่ยนไป ปลาแดกกลายเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตของชาวนาอีสาน ยิ่งลูกหลานคนรุ่นใหม่ของชาวอีสานที่ซึมซับเอาวัฒนธรรมจากส่วนกลาง โดยระบบการศึกษา สื่อมวลชน และจากการเดินทางไปมาหาสู่กัน โดยการสัมผัสกับวัฒนธรรมจากภายนอกโดยตรง ก็ยิ่งลดบทบาทของปลาแดกให้น้อยลงไปอีก จนเป็นส่วนที่ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน และพร้อมที่จะลืมมันเสียเมื่อใดก็ได้ เหมือนกับที่ปลาร้าของไทยกลางก็เป็นส่วนเล็กๆ ในชีวิตของเขาเช่นเดียวกันในอนาคตข้างหน้า จะมีลูกหลานสักกี่คนที่ยังรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของ<strong><em><span style="color: red;"> "ปลาแดก"</span></em></strong> ในอดีต </div><br />
<div style="text-align: center;">ที่มา : วารสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 13 ฉบับที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535</div>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-86948221855012446912011-08-04T21:55:00.001+07:002011-08-04T21:55:13.993+07:00การตอนมะละกอ<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="349" src="http://www.youtube.com/embed/sWGFaTVzoQ4" width="425"></iframe>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8961816533695058155.post-49961736864819900302011-08-04T21:45:00.008+07:002011-08-05T02:10:39.193+07:00การเพาะถั่วงอกคอนโดไร้ราก<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="349" src="http://www.youtube.com/embed/ttrdaxiFADI" width="425"></iframe>ครูกะปิhttp://www.blogger.com/profile/14737161905444111479noreply@blogger.com0